เพิ่งเล่นจบ #12: Monster Hunter Wilds



ยังจำครั้งแรกที่เราได้เล่น Monster Hunter เมื่อ 15 ปีที่แล้ว อีเราก็ฟังพวกเพื่อนมันบอกกันในโรงเรียน “เห้ยๆ พลาดไม่ได้นะเฟ้ย เกมตีไดโนเสาร์” ความที่อยากคุยกะมันรู้เรื่องเหมือน ต๋อย ไตรภพ ถึงแม้จะไม่ได้อินกะไดโนเสาร์เท่าไหร่ มันทำให้เราได้หลวมตัวโหลด ISO ของ Monster Hunter Freedom 2 มาลงเครื่อง PSP (ที่ต้องมานั่งเจลเบรคโฮมบริวกันเองสมัยนั้น) ปรากฏว่า ไม่อินเลย นั่งมึนกับมุมกล้องสุดนรกกับการที่มี analog stick เพียงอันเดียว กับความที่ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเล่นยัง พอไปถามเพื่อน มันก็แนะนำให้จับแบบ claw แต่ก็ได้แค่พยายามไม่เท่าไหร่ เจ็บมือ เลิก!
หลายปีผ่านไป ณ เมืองเมลเบิร์น เข้ามหาลัยปีหนึ่ง อีช่าผู้ที่ไม่เคยมี 3DS ก็ได้หลวมตัวไปซื้อมือสองกะเพื่อนคนละเครื่อง ที่นี้อีเพื่อนเหลือบไปเห็น MH Generations มือสองอยู่หลายก๊อปปี้ (สมัยนั้นที่นู้นเวลาใครเล่นจบก็เอาแผ่นมาแลกซื้อเกมใหม่) ซึ่งอีนี้รู้สึกได้ถึงความ flashback เมื่อตอนเล่น Freedom 2 แต่ก็โดนรบเร้าจนซื้อมาเล่นกะมัน ทนเล่นไป จะเอาชุด Chun Li จาก Street Fighter ให้น้องแมว 555+

ซึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้เพื่อน เพราะตอนเราเห็นตัวอย่าง World ครั้งแรกกับมัน ก็ทำให้เราตาแป๋วไปพร้อมๆ กัน ความที่ไม่มีคอนโซลเจนนั้นในตอนนั้น ก็ต้องมานั่งรอมันลง PC กันสองคน แต่โชคชะตามันไม่เป็นใจ ทำให้เราสองคนอกหักกะ World บน PC ด้วยความระยำของ FPS ที่ถ้าพี่จะพอร์ตอย่างนี้ ไม่ต้องพอร์ตก็ได้
มันเป็นช่วงปีที่เกมบน PC เหมือนไม่ได้รับความใส่ใจสักเท่าไหร่เลย ทั้งๆ ที่เก็บเงินกันอย่างนานเพื่อซื้อ 1070 ดันมาเจอปัญหาเรื่อง CPU ที่ทำเอาทุกคนงง แต่ด้วยความอยากเล่นเกมนี้บนจอใหญ่ แล้วดันคิดไปเองว่านี่เป็นครั้งแรกที่เกมมันมาลง console/PC เพราะติดภาพจำ portable แต่ก็เล่นกันจนจบทั้งๆ ที่มันทั้งกระตุกและ FPS drop กระจาย เพราะประทับใจความสเกลใหญ่ของตัวเกม การเดินท่องไปตามแมพที่มีไบโอมต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเห็นมอนใหญ่ๆ ตีกันในกราฟฟิคที่มันสวยกระแทกใจกว่าเดิม ถึงแม้ว่าช่วงนั้นเราจะเล่นได้กากมากเพราะติดการเล่นคอมแบทแบบ Souls แบบ locked camera 😭

เอาจริงๆ เรามาหลงรักมอนฮันอย่างเต็มข้อก็ตอน Rise ลง PC แล้ว เราว่าฟอร์แมตนี้มัน balance การเข้าไปตีมอนปัง ปัง ปัง ของ Generations กับ open zone ของ World ได้ดี สเกลที่เล็กกว่าไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเรา และการขี่มอนเพื่อเอาไปตีอีกมอนเป็นอะไรที่มันส์มาก แถมระบบเลือก skill ที่มากะปุ่ม ทำให้เกมนั้นเป็นภาคที่เราเล่นนานที่สุด ด้วยความที่เราถูกจริตกับสปีดของ Rise มันทำให้เรากลับไปเล่น World แล้วรู้สึกว่ามันช้าๆ เนิบๆ ไป

ในงาน The Game Awards ปี 2023 ทาง Capcom ก็ได้ประกาศเปิดตัว Monster Hunter Wilds ถ้าพูดตามตรงเลยในงานนั้น เราคิดว่าเกมมันดูกระตุกมาก 555+ และก็เริ่มกลัวการใช้ RE Engine ในเกม open-world/open-zone มากขึ้น เพราะตอนนั้นเราก็ตาม Dragon’s Dogma 2 อยู่ แล้วแต่ละวีดีโอของเกมเพลย์มันปวดตับกับความกระตุก ยิ่งพอตอน DD2 ปล่อย ก็ยิ่งหน้าเป็นห่วงกว่าเดิมในเรื่อง performance ของ Wilds
อย่างไงก็ตามแต่ ในความที่หลวมตัวมาเป็นแฟนซีรีย์นี้สะแล้ว ก็กดซื้อไปกับแฟนและเพื่อนที่เล่น DnD ด้วยกัน 3 คน มันเป็นเกมที่พลาดไม่ได้จริงๆ แต่นึกคิดก็ตลกดีตรงที่ทุกช่วงชีวิตของเรา มันจะมีคนชอบเกมนี้อยู่ในชีวิต เกมเค้าแมสแท้ๆ

ตอนแรกเราก็กังวลเรื่อง pacing ของเกมเพลย์ Wilds เพราะเรารู้ว่ามันเป็นงานของทีม World แต่พอได้เล่นจริงจังเป็นเวลา 60 ชั่วโมงกว่า เราว่าเค้าได้บาลานซ์ความกระชับรัดที่เราชอบมากๆ ของ Rise กับสเกลแมพใหญ่ของ World เข้ากันได้อย่างดี ซึ่งเราว่าการที่ได้เกมนี้มีนก Seikret (ขออนุญาตเรียกว่าน้องไก่ละกัน) คู่ใจไว้ขี่ auto-run ตามมอนได้ในขณะที่เราเติมยา/ลับคมอาวุธ/เก็บของข้างทาง อารมณ์เดียวกับตอนขี่น้องหมาใน Rise ไปล่ามอนทั้งหลาย
ด้วยความที่มีชั่วโมงบินสูงอยู่พอตัวมันทำให้เรารู้สึกว่า Wilds เป็นเกมที่ไม่ได้ยากมาก แต่เราไม่ได้คิดว่านี้เป็นข้อเสียอะไร และมันเป็นเรื่องที่พูดยากพอตัว พอเราลองถามเพื่อนๆ ที่เล่นเกมนี้เป็นเกมแรก เพื่อนกลุ่มนั้นก็มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับเกมนี้ โดยเฉพาะระบบ lock camera ที่ไม่เหมือนชาวบ้าน ใน Wilds เราว่าระบบกล้องนี้มันดีกว่าภาคก่อนๆ เยอะเลย แต่ก็ยังเป็น pain point ของคนที่เล่น Action RPG แนว Souls บ่อยๆ ที่ชัดมาก
อีเรามันตี Rathalos หรือน้องคนนั้นใน Rise (จะพยายามไม่สปอยชื่อมอนนะ) มาเป็นร้อยๆ ตัว ยังไงเราก็รู้ว่าจะต้องจัดการกับน้องยังไง พอไปเจอล็อบบี้ SOS ที่มีมือใหม่ มันชัดมากว่าเกมนี้มันก็ยากในแบบของมันแหละ

Mechanic ที่เป็นกิมมิกภาคนี้ ที่อาจจะทำให้ผู้เล่นมานานรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ก็น่าจะเป็นระบบโฟกัส ที่ทำให้เราสามารถเล็งได้ว่า จะตีตรงไหน บางอาวุธก็เปิดโฟกัส side step เล็กๆ ได้ตอนตีมอน แต่ที่เป็นไฮไลท์ของภาคนี้เลยก็คงจะหนี universal mechanic แบบ Focus Strike ไม่ได้ ซึ่งมันเป็นท่าที่อาวุธทุกอันมี เอาไว้ใช้โจมตีส่วนแผลเลือดออกของมัน (เราจะเห็นได้ตอนเปิดโหมดโฟกัส) ซึ่งการที่เรากด focus strike ก็จะทำให้มอนนั้นดรอปชิ้นส่วน และเพิ่มค่า knockout ที่จะให้มอนนอนดิ้นร้องไห้หาแม่ทำให้เรารุมตีนน้องง่ายขึ้น และเพิ่มความลึกของคอมแบทขึ้นมาอีกขั้น

พูดถึงความลึก อาวุธทุกอันได้มูฟใหม่ๆ ที่ทำออกมาให้ใช้สนุกมือกันไป อันที่ประทับจะก็จะมี combo extender ของท่าดาบยาวในตำนานอย่าง Spirit Helm Breaker ที่ตอนนี้มี follow up ชื่อว่า Spirit Release Slash ที่จะกินเกจอีกอันหนึ่ง แต่มันตีแรงมากและมีอนิเมชั่นที่โครตเท่ หรือ Mighty Charge ของค้อนที่ตีหัวมอนได้อิมแพคเมืองทองธานีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นอนิเมชั่น buildup หรือตอนที่ตัวละครเรานั้นหมุนตัวตีหัวมอน ก็ทำออกมาได้สะใจมาก
แต่ถ้าพูดถึงอาวุธก็คงจะไม่พูดถึง 3 range weapons ของเกมนี้ที่ได้โดน rework และปรับไปตามๆ กัน แฟน bowgun สไตล์ลูกซองอาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้ ส่วนธนูก็ได้ rework แบบไม่ต้องคราฟลูกธนูแล้ว แต่ใช้เกจแทน สำหรับเราผู้ที่ไม่ค่อยได้เล่นสามอันนี้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากหมาย แถมเราได้ลองเล่น heavy bowgun อย่างจริงจังครั้งแรกในซีรีย์สะด้วย มันโดนจริตเราจริงๆ รู้สึกเหมือน Heavy จาก TF2 มันน่าเสียดายที่เราคิดว่า Artian Weapon ของ heavy bowgun อาจจะไม่ค่อยโดนใจสักเท่าไหร่
บางคนอาจจะงงว่า Artian Weapon คืออะไร งั้นเราก็ขอแวะพูดถึง endgame farming ของเกมนี้สะเลย ถ้าให้อธิบายง่ายๆ เกมนี้เราสามารถคราฟอาวุธที่มี stat สุ่ม วัดดวงไปกับเกมได้ มันจะมาพร้อมเกม decoration slots 3 ถึง 3 อัน (เพราะปกติไม่ได้มากับสกิลเหมือนอาวุธทั่วไป) ชิ้นส่วนที่เอามาคราฟอาวุธอาเที่ยนนั้นมาจากการสู้กับมอนม่วง (Tempered) ทำให้เรามีเหตุผลการฟาร์ม endgame มากขึ้น และตอนนี้ก็มีให้ตีเพลินๆ อยู่ 6 ตัว จากทั้งหมดมอน 29 ตัว

ส่วนตัวเรารู้สึกขัดแย้งในใจกับระบบนี้ เราคิดว่าเราชอบตรงที่เราสามารถกำหนด stat ของได้ (จาก RNG) ไม่ชอบก็ reroll ทำใหม่ เล่นได้เรื่อยๆ จนกว่าจะได้อันที่เรารู้สึกว่ามันเทพสุด หรือเหมาะกับสไตล์การเล่นเราที่สุด ตัวอย่างคือเรามีมีดคู่อันนึงที่นั่ง reroll จนตีมอนติด paralysis ได้ง่ายมาก กับดาบยาวที่ตีติด crit เกือบทุกเม็ด
ความน่าเสียดายคือ มัน ugly สาส 555+ กับเกมที่มีระบบ layer armored + character creator ที่ละเอียดขนาดนี้ มันหน้าเสียได้มากที่เราไม่สามารถกำหนดว่าอาวุธอาเที่ยนเราจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร แถมด้วยความที่ artian มันตีอะไรก็ได้ ขอให้มันแค่เป็นมอนม่วง rank 8 เราไม่ค่อยมีแรงจูงใจจะไปตีหลากหลายตัว ตอนนี้เราเข้าเกมไปเน้นตีธงเรือของเกมอย่างน้องกระเทย Arkveld เพราะเราถนัดตีน้องที่สุดแล้ว ถ้าแต่ก่อนยังมีเหตุผลให้ไปตีตัวอื่นเก็บอาวุธอื่นใช้ แต่ตอนนี้ถ้าตัวเราเองไม่อยาก craft ให้ครบทุกอันไปอวดเพื่อน หรือเป็นโกลเล็กๆ ของตัวเอง เกมก็ไม่ได้ให้แรงจูงใจเราสักเท่าไหร่

เกมนี้มี Character Creator ที่สุดจะ detail คล้ายๆ กับเกมอื่นใน RE Engine อย่าง Street Fighter VI เคยโพสอวดไปแล้วแต่เราเล่นเป็น Tashley (ทาช่า + แอชลี่จาก RE4) และรู้สึกว่าออกมาเหมือนมากๆ
มาเข้าตัวเนื้อเรื่องเกมกันดีกว่า พูดสั้นๆ ง่ายๆ เราขอตั้งชื่อเรื่องเกมนี้ว่า “เลี้ยงเด็กกับฮันเตอร์แทชลี่และแก๊งสาวสวย”
ส่วนตัวแล้วเราชอบเนื้อเรื่องของเกมนี้มาก เราคิดว่านี้เป็นเนื้อเรื่องของมอนฮันที่เราชอบที่สุดแล้ว (แต่อย่าลืมว่าเราก็ไม่ได้เล่นหลายภาคขนาดนั้น) ประทับใจความเรียบง่าย ไม่ค่อยมี conflict อะไรเยอะ ของซีรีย์นี้ มันรู้สึกฟูใจที่ได้เห็นการเติบโตของนาธา เด็กน้อยที่หลงมาไกลหมู่บ้านที่โดน Arkveld บุก กับตี้อันน่ารักของเรา ที่มีเรา ฮันเตอร์พูดได้และมี personality อย่างเท่ ไม่ได้เป็นน้องใหม่เหมือนหลายๆ ภาคที่ผ่านมา มาคู่กับแมว palico คู่ใจ อัลม่า handler สุดน่ารักที่ค่อยทำตัวเป็นพี่สาวคนโตของกลุ่ม เกมม่า น้องนางตีดาบจากภาค 4 ที่มาอย่างเฟี้ยว หมอมแม่โอลิเวีย สาวเท่ทุบมอนกับแมวกับแมวคู่หู่โครตเท่อย่างอาร์ธอส กับภารกิจพาน้องกลับบ้าน พร้อมกับการสำรวจแดนใหม่ที่กิลฮันเตอร์ไม่เคยไปมาก่อน

ธีมหลักของเกมนี้ก็คงไม่พ้นการมีชีวิต และวัฏจักรของชีวิตที่ทำออกมาได้น่าประทับใจมากๆ สิ่งหนึ่งที่ภาคนี้ทำให้เราตระหนักได้คือ การที่เราตัดสินใจจะปราบมอนสักตัว มันก็ต้องใจถึงเหมือนกันในแง่ความรู้สึก มอนอยู่ของมอนอยู่แล้ว บางตัวก็ไม่ได้เบียดเบน แต่การมีอยู่ของบางตัวมันอันตรายมหาศาลกับมนุษ และสิ่งมีชีวิตตัวอื่น ตัวเกมก็ตั้งคำถามได้ดีว่า ใครมีสิทธิตัดสินสิ่งเหล่านี้ และความถูกต้องของการตัดสินใจ ผ่านตัวละครในตี้เรา ทำให้รู้เลยว่างานของกิลมันไม่ง่าย โดยเฉพาะงานของ Handler อย่างอัลม่า และการเติบโตเข้าใจโลกมากขึ้นของนาธา เด็กอายุ 12 ที่ต้องโตให้ไวตามสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเค้า และความสำคัญในการที่มี influence ดีๆ ในชีวิตของเด็กคอยพยุงเค้าให้โตมาแข็งแกร่ง

ปกติแล้วเราไม่ได้คิดว่าเนื้อเรื่องของมอนฮันเป็นจุดแข็งอยู่แล้ว มันเป็นแค่พลอตที่พาเราไปเจอโลกและมอนให้ครบ ก่อนปิดแบบ optimistic ซึ่ง Wilds ก็ออกมาคล้ายๆ อย่างนั้น แต่ความดีของเกมนี้ในสายตาเราคือเราคิดว่าเนื้อเรื่องเกมนี้มันชัดเจนกว่าเดิม รู้ว่าเค้าอยากจะเล่าและสื่อถึงอะไร
แต่นี้คือ interpretation ของเรา ซึ่งมันก็แล้วแต่มุมมองคนเล่น เราเลยอยากจะฝากบทความของลูกพี่เรา คุณบาส เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเกมนี้ ในมุมมองของคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ซีรีย์นี้ กดลิ้งได้ตรงนี้เลยค่า

เราเล่นเกมนี้ทั้ง LR และ HR กับมนุษแฟน (shoutout @Paleblooded I love you so much babe! <3) และจะมีเพื่อนอีกคนมาแจมเป็นบางวัน และเราสามคนอยากพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ระบบ multiplayer เกมนี้มันเหี้ยค่ะ”
เข้าใจว่าระบบเพื่อนและระบบต่างๆ มันทำขึ้นมาเพราะอยากให้ crossplay สะดวก แต่การที่ต้อง invite เข้า linked party ที่ไม่เหมือนการ invite เข้า environment ที่ไม่เหมือนการอยู่ lobby เดียวกัน หรือ lobby squad มันทำให้งงไปหมดเวลาจะชวนใครมาเล่น ทุกวันนี้ใน Discord กลุ่มตี้น้ำลาย ก็ยังเห็นการแลก code เพื่อนอยู่เลย
อาจจะแย้งได้ว่า ก็เล่นมีจนชินแล้ว มันก็ไม่เป็นปัญหาแล้วสิ ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่นะ ปัญหามันไม่ได้แค่ที่ multiplayer มันงงไปหมด แต่ UI/UX อื่นๆ ของเกมนี้ ก็บ้งเช่นกัน ยกตัวอย่างแบบเมนูที่ซ่อนหลังปุ่ม L3 หรือการที่จะเซฟมอนเป็น investigation แต่ถ้าอยู่ผิดเมนูแมพ มันจะออปชั่นแค่ Create Quest

ความย้อนแย้งของ QoL และ UI/UX เกมนี้มันก็ตลกๆ ดี เพราะเกมนี้มันมีสิ่งดีๆ แบบการให้น้องไก่เรา auto-run ไปเก็บของให้เรามาคราฟ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าของเราเต็มก็ไม่ได้โอนไปกล่องให้ เจอกับตัวบ่อยมากตอนจะกราฟ tranq bomb หรือการที่ปุ่ม home บนจอยเรา หรือปุ่ม start มันใช้งานไม่ได้ ถ้ามี notification เด้งขึ้น ที่ทำให้หงุดหงิดในบางครั้ง และเมนู talisman ที่เราไม่อยากเห็นมันอีกแล้วในชีวิตนี้ 555 ทำเรางงมาก และเราอดคิดถึง UI/UX ที่ง่ายๆ แต่โบ๊ะบ๊ะจาก Wilds ไม่ได้ ทุกอย่างในเกมนี้มันก้าวมาสองก้าว ยกเว้น UX ก่อนไปล่าจริงๆ เนี้ยแหละ
แต่ที่ไม่พูดไม่ได้คือ Performance ของเกมนี้ที่ทำให้เราไม่เหลือความมั่นใจกับ RE Engine กับเกมสเกลใหญ่อย่างนี้ ในเกมที่ด่านเล็ก ไม่ได้เน้นจำนวน NPC ที่ใช้ CPU เยอะแบบ Resident Evil มันเวิร์คแหละ แต่ Wilds มันไม่ได้จริงๆ
ต่อให้เครื่องจะแรงแค่ไหน ถ้าโชคไม่ดี บางครั้งเกมก็จะกระตุกและมีปัญหา เราว่าเป็นสิ่งที่ต่อให้เกมเพลย์มันจะดีขนาดไหน มันเอามาอ้างไม่ได้ Capcom ต้องรับผิดชอบและแพชเกมไปเรื่อยๆ แต่ดูทรง Dragon’s Dogma 2 แล้ว ก็คงจะไม่ได้ทำอะไรเยอะสินะ ก็เลยขอฝากวีดีโอนี้จากช่อง Digital Foundry ให้ไปดูสภาพเกมก่อนซื้อละกัน

แต่มันก็น่าหงุดหงิดที่เกมที่เราชอบมากๆ ต้องมีปัญหาไม่ใช่เรื่องอย่างนี้ ไอ้เรื่อง UI/UX บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องจริตคนใช้ แต่การที่ online มันไม่ลื่นและง่ายเหมือน Rise แถมมาเจอปัญหาด้าน performance ก็ทำให้คิดหนักเวลาที่จะแนะนำเกมนี้ โดยเฉพาะความที่มันแล้วแต่ดวงแต๊ๆ ของแต่ละเครื่อง
ที่แน่ๆ พูดได้เต็มปากอย่างนึงคือ นี้คือมอนฮันที่เล่นมันส์ที่สุดที่เคยเล่นมาแล้ว ในเชิงคอมแบทกับเนื้อเรื่อง แต่ก็อดนึกไม่ได้ว่าทีม Rise ที่เราว่าทำให้ซีรีย์นี้ก้าวกระโดดในเกมเพลย์และ UI/UX จะทำเกมหน้าออกมาอย่างไง ซึ่งเราก็เดาๆ ว่ามันหน้าจะลง Switch 2 นั้นแหละ
และก็อยากจะขอบคุณมนุษแฟนอีกรอบที่เล่นมาด้วยกันจนจบและมาช่วยกันฟาร์มของ การเล่นเกมนี้กับคนอื่น หรือพูดคุยเกี่ยวกับเกมนี้ ทั้งเรื่องตีมอน เรื่องออกของ เรามองว่ามันเป็นหัวใจหลักของซีรีย์นี้จริงๆ และก็อยากขอบคุณเพื่อนรักสมัยม.ต้นที่แนะนำให้เล่น Freedom 2 ถึงเราจะบ่นก็เหอะ ตลกดีที่เราก็ได้โอกาสไปฮันด้วยกันสองสามรอบในอายุ 29 มันก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่บอกเราว่าวงการเกมมาไกลขนาดไหนแล้ว

4/5